วันจันทร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2560

ประวัติ วัดพระแก้ว


วัดพระศรีรัตนศาสดาราม
วัดพระแก้วมรกต วัดสำคัญที่สุดของกรุงรัตนโกสินทร์

     วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า วัดพระแก้ว นั้น พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นพร้อมกับการสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อ พ.ศ. ๒๓๒๕ แล้วเสร็จในปี พ.ศ. ๒๓๒๗
     เป็นวัดที่สร้างขึ้นในเขตพระบรมมหาราชวัง ตามแบบวัดพระศรีสรรเพชญ สมัยอยุธยา วัดนี้อยู่ในเขตพระราชฐานชั้นนอก ทางทิศตะวันออก มีพระระเบียงล้อมรอบเป็นบริเวณ เป็นวัดคู่กรุงที่ไม่มีพระสงฆ์จำพรรษา ใช้เป็นที่บวชนาคหลวง และประชุมข้าทูลละอองพระบาทถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยา

     รัชกาลที่ ๑ โปรดเกล้าให้เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรหรือพระแก้วมรกต พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของไทย มาประดิษฐาน ณ ที่นี้ วัดพระศรีรัตนศาสดารามนี้ ภายหลังจากการสถาปนาแล้ว ก็ได้รับการปฏิสังขรณ์สืบต่อมาทุกรัชกาล เพราะเป็นวัดสำคัญ จึงมีการปฏิสังขรณ์ใหญ่ทุก ๕๐ ปี คือในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลปัจจุบัน
     เนื่องในโอกาสสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ครบ ๒๐๐ ปี ในปี พ.ศ. ๒๕๒๕ ที่ผ่านมา การบูรณปฏิสังขรณ์ที่ผ่านมา มุ่งอนุรักษ์สถาปัตยกรรมและศิลปกรรมอันเป็นมรดกชิ้นเอกของชาติ ให้คงความงามและรักษาคุณค่าของช่างศิลปไทยไว้อย่างดีที่สุด เพื่อให้วัดพระศรีรัตนศาสดารามนี้อยู่คู่กับกรุงรัตนโกสินทร์ตลอดไป
พระอุโบสถ
สร้างในสมัยรัชกาลที่ ๑ เป็นพระอุโบสถขนาดใหญ่ หลังคาลด ๔ ระดับ ๓ ซ้อน มีช่อฟ้า ๓ ชั้น ปิดทองประดับกระจก ตัวพระอุโบสถมีระเบียงเดินได้โดยรอบ มีหลังคาเป็นพาไลคลุม รับด้วยเสานางรายปิดทองประดับกระจกทั้งต้น พนักระเบียงรับเสานางราย ทำเป็นลูกฟักประดับด้วยกระเบื้องเคลือบสีอย่างจีน ตัวพระอุโบสถมีฐานปัทม์รับอีกชั้นหนึ่ง ประดับครุฑยุดนาคหล่อด้วยโลหะปิดทอง มีเสารายเทียนหล่อด้วยทองแดงล้อมรอบทั้งสี่ด้าน
ผนังพระอุโบสถ ในรัชกาลที่ ๑ เขียนลายรดน้ำบนพื้นชาดแดง รัชกาลที่ ๓ โปรดเล้าฯ ให้ปั้นลายพุ่มข้าวบิณฑ์ ปิดทองประดับกระจก เพื่อให้เข้ากับผนังมณฑป ปิดทองประดับกระจก บานพระทวารและพระบัญชรประดับมุกทั้งหมด ฝีมือช่างสมัยรัชกาลที่ ๑ ที่เชิงบันไดมีสิงห์หล่อด้วยสำริดบันไดละคู่ รวม ๑๒ ตัว โดยได้แบบมาจากเขมรคู่หนึ่ง แล้วหล่อเพิ่มอีก ๑๐ ตัว
พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร

     ภายในพระอุโบสถเป็นที่ประดิษฐาน พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร(พระแก้วมรกต)
พระพุทธรูปปางสมาธิ ทำด้วยมณีสีเขียวเนื้อเดียวกันทั้งองค์ หน้าตักกว้าง ๔๘.๓ ซม. สูงตั้งแต่ฐานถึงยอดพระเศียร ๖๖ ซม. ประดิษฐานอยู่ในบุษบกทองคำ พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก มีพระราชศรัทธาสร้างเครื่องทรงถวายเป็นพุทธบูชา สำหรับฤดูร้อนและฤดูฝน
     เครื่องทรงสำหรับฤดูร้อน เป็นเครื่องต้นประกอบด้วยมงกุฎพาหุรัด ทองกร พระสังวาล เป็นทองลงยา ประดับมณีต่างๆ จอมมงกุฎประดับด้วยเพชร
     เครื่องทรงสำหรับฤดูฝน เป็นทองคำ เป็นกาบหุ้มองค์พระอย่างห่มดอง จำหลักลายที่เรียกว่าลายพุ่มข้าวบิณฑ์ พระเศียรใช้ทองคำเป็นกาบหุ้ม ตั้งแต่ไรพระศกถึงจอมเมาฬี เม็ดพระศกลงยาสีน้ำเงินแก่ พระลักษมีทำเวียนทักษิณาวรรต ประดับมณีและลงยาให้เข้ากับเม็ดพระศก
     พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงสร้างเครื่องฤดูหนาวถวายอีกชุดหนึ่ง ทำด้วยทองเป็นหลอดลงยาร้อยด้วยลวดทองเกลียว ทำให้ไหวได้ตลอดเหมือนกับผ้า ใช้คลุมทั้งสองพาหาขององค์พระ
     บุษบกทองที่ประดิษฐานพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร สร้างด้วยไม้สลักหุ้มทองคำทั้งองค์ ฝังมณีมีค่าสีต่างๆ ทรวดทรงงดงามมาก เป็นฝีมือช่างรัชกาลที่ ๑ เดิมบุษบกนี้ตั้งอยู่บนฐานชุกชี พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้า ฯ ให้สร้างพระเบญจาสามชั้นหุ้มด้วยทองคำ สลักลายวิจิตรหนุนองค์บุษบกให้สูงขึ้น บนฐานชุกชีด้านหน้า ประดิษฐานพระสัมพุทธพรรณี เป็นพระพุทธรูปที่คิดแบบขึ้นใหม่ในสมัยรัชกาลที่ ๔ โดยไม่มีเมฬี มีรัศมีอยู่กลางพระเศียร จีวรที่ห่มคลุมองค์พระเป็นริ้ว พระกรรณเป็นแบบหูมนุษย์ธรรมดาโดยทั่วไป
     หน้าฐานชุกชีประดิษฐานพระพุทธปฏิมากรฉลองพระองค์รัชกาลที่ ๑ และรัชกาลที่ ๒ องค์ด้านเหนือพระนามว่า พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก องค์ด้านใต้พระนามว่า พระพุทธเลิศหล้านภาลัย พระพุทธรูปทั้งสองพระองค์นี้ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้น หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์สูง ๓ เมตร ทรงเครื่องแบบจักรพรรดิ์หุ้มทองคำ เครื่องทรงเป็นทองคำลงยาสีประดับมณี

หนังสืออ้างอิง : นำชมกรุงรัตนโกสินทร์
(เนื่องในงานสมโภชน์กรุงรัตนโกสินทร์ ๒๐๐ ปี) โดย กองโบราณคดี กรมศิลปากร พ.ศ. ๒๕๒๕








 ข้อมูลวัด
วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว)
ตั้งอยู่ในเขตพระบรมมหาราชวัง เขตพระราชฐานชั้นนอก ทางทิศตะวันออก ติดท้องสนามหลวง
แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร
ความสำคัญ :วัดคู่กรุง, ประดิษฐานพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร(พระแก้วมรกต)
สังกัดคณะสงฆ์ :ไม่มีพระสงฆ์จำพรรษา (ใช้เป็นที่บวชนาคหลวง)
พระประธานในพระอุโบสถ : พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร(พระแก้วมรกต)
เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง :  วัดพระแก้ว 
  พระบรมมหาราชวัง
แผนที่วัด :คลิ๊กดูแผนที่
ข้อมูลภาษาอังกฤษ :Click !
ข้อมูลภาพ : ภาพพระแก้วมรกต

วันจันทร์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2560

การป้องกันยาเสพติด

การป้องกันปัญหายาเสพติด

การป้องกันปัญหาสิ่งเสพติดต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายฝ่าย
 ดังนี้ 

  
  การป้องกันตนเอง      1. ไม่ทดลองเสพสิ่งที่รู้ว่ามีภัย เพราะอาจจะทำให้ติดได้ง่าย
     2. เลือกคบเพื่อนที่ดี พยายามหลีกเลี่ยงเพื่อนที่ชอบชักจูงไปในทางเสื่อมเสีย
     3. รู้จักใช้วิจารณญาณในการแก้ปัญหา แต่หากว่าไม่สามารถแก้ไขเองได้ ก็ควรจะปรึกษากับพ่อแม่หรือญาติผู้ใหญ่ที่ไว้ใจได้
     4. การสร้างทักษะชีวิต โดยเฉพาะทักษะการปฏิเสธเมื่อถูกเพื่อนชักชวนให้เสพสิ่งเสพติดต้องรู้จักปฏิเสธอย่างนุ่มนวล โดยการชี้แจงผลเสียของสิ่งเสพติดต่อการเรียนและอนาคต การรู้จักปฏิเสธอย่างจริงจังและจิตใจแน่วแน่จะทำให้เพื่อนเกรงใจไม่กล้าชวนอีก 
        ป้องกันตนเอง ทำได้โดย..
          • ศึกษาหาความรู้ เพื่อให้รู้เท่าทันโทษพิษภัยของยาเสพติด
          • ไม่ทดลองใช้ยาเสพติดทุกชนิดและปฏิเสธเมื่อถูกชักชวน
          • ระมัดระวังเรื่องการใช้ยา เพราะยาบางชนิดอาจทำให้เสพติดได้ 

          • ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์
          • เลือกคบเพื่อนดี ที่ชักชวนกันไปในทางสร้างสรรค์
          • เมื่อมีปัญหาชีวิต ควรหาหนทางแก้ไขที่ไม่ข้องเกี่ยวกับยาเสพติด หากแก้ไขไม่ได้ควรปรึกษา ผู้ใหญ่
              
    การป้องกันในครอบครัว  

   
  ผู้ที่ติดสิ่งเสพติดส่วนใหญ่จะเกิดจากครอบครัวที่แตกแยกมีปัญหา ขาดความรักความอบอุ่น เกิดความว้าเหว่ ขาดที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจ ซึ่งเป็นเหตุให้เด็กๆ หันไปพึ่งยาเสพติดแทน ดังนั้นพ่อแม่จึงควรให้ความรักความอบอุ่น และพ่อแม่ก็ควรจะประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดี และเป็นที่ปรึกษาให้แก่ลูกๆได้ ทำให้ลูกไม่หันไปพึ่งพายาเสพติด
           ป้องกันครอบครัว ทำได้โดย
           • สร้างความรัก ความอบอุ่นและความสัมพันธ์อันดีระหว่างสมาชิกในครอบครัว
           • รู้และปฏิบัติตามบทบาทหน้าที่ของตนเอง 

           • ดูแลสมาชิกในครอบครัว ไม่ให้ข้องเกี่ยวกับยาเสพติด
           • ให้กำลังใจและหาทางแก้ไข หากพบว่าสมาชิกในครอบครัวติดยาเสพติด
 
  การป้องกันในโรงเรียน 
     ครูควรให้ความรู้เกี่ยวกับโทษและอันตรายของสิ่งเสพติดให้กับนักเรียน จัดให้มีกิจกรรมนันทนาการในโรงเรียนให้เพียงพอและสนับสนุนให้นักเรียนได้ร่วมกิจกรรมนันทนาการต่างๆและสอนให้เด็กรู้จักใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์
  
  การป้องกันชุมชน
       
การป้องกันชุมชนจากปัญหาสิ่งเสพติดทำได้หลายวิธี เช่น
    1. การให้ความรู้ โดยการอบรมแก่ทุกคนในชุมชนให้เห้นโทษหรืออันตรายจากสิ่งเสพติด
    2. เสริมกิจกรรมยามว่าง โดยการส่งเสริมอาชีพแก่ชุมชนยามว่าง เช่น การเย็บเสื้อผ้า การทำรองเท้า เป็นต้น
    3. ตั้งศูนย์รับแจ้งเบาะแสเกี่ยวกับสิ่งเสพติด เมื่อพบว่ามีการซื้อขายหรือเสพสิ่งเสพติดภายในชุมชน
    4. เข้าร่วมโครงการชุมชนปลอดสิ่งเสพติดต่างๆ ทั้งที่ทางราชการจัดขึ้น และชุมชนคิดริเริ่มขึ้นมาเอง
         ป้องกันชุมชน ทำได้โดย
           • ช่วยชุมชนในการต่อต้านยาเสพติด
           • เมื่อทราบแหล่งเสพ แหล่งค้า หรือผลิตยาเสพติด ควรแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบทันที ที่...
                *สำนักงาน ป.ป.ส. โทร. 02-2459414 หรือ 02-2470901-19 ต่อ 258  โทรสาร 02-2468526
                *ศูนย์รับแจ้งข่าวยาเสพติด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โทร. 1688 
 
   รัฐบาล  
    1. การให้การศึกษาแก่ประชาชนอย่างทั่วถึง
    2. แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคมอย่างจริงจัง และจัดสรรงบประมาณในการป้องกันและปราบปรามสิ่งเสพติด
    3. จัดบุคลากรและหน่วยงานในการป้องกันและปราบปรามสิ่งเสพติดให้เพียงพอ และดำเนินการอย่างต่อเนื่อง
    4. การบังคับใช้กฏหมายอย่างจริงจัง บางครั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจบางคนที่ดูแลด้านสิ่งเสพติดก็ปล่อยปละละเลย หรือทำการค้าสิ่งเสพติดเสียเอง ทำให้การปราบปรามไม่ได้ผลเท่าที่ควร ดังนั้นรัฐบาลจึงควรเข้ทมงวดกับผู้กระทำผิดและลงโทาผู้กระทำผิดอย่างจริงจังและต่อเนื่อง

การตรวจหัวใจ

หัวใจเต้นช้า อายุยิ่งยืนยาว

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

          อัตราการเต้นของหัวใจก็เป็นส่วนสำคัญของการมีสุขภาพดี เชื่อหรือไม่ว่าคนที่หัวใจเต้นช้าจะมีอายุยืนยาวกว่าคนที่หัวใจเต้นเร็ว
          ถ้าพูดถึงการมีสุขภาพดีและอายุยืน หลาย ๆ คนอาจจะคิดว่าสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้ถ้าหากเราใส่ใจออกกำลังกายและรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ หมั่นใส่ใจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะสุขภาพหัวใจที่สำคัญต่อร่างกายมากที่สุด และการรักษาสุขภาพหัวใจที่ดีที่สุดก็คือการทำให้หัวใจแข็งแรงและสามารถสูบฉีดเลือดได้มากขึ้นโดยที่อัตราการเต้นของหัวใจน้อยลงนั่นเอง

          ฟังดูอาจจะแปลกจนน่าสงสัย แต่การที่หัวใจของเราเต้นช้าลงนี่ล่ะค่ะคือวิธีที่จะทำให้เรามีชีวิตยืนยาวได้ แล้วเราจะทำให้หัวใจของเราเต้นช้าลงได้อย่างไร อัตราการเต้นของหัวใจจะช้าลงขนาดไหนถึงจะดีต่อสุขภาพ วันนี้กระปุกดอทคอมจะพาไปล้วงลึกกันถึงเรื่องนี้ให้มากขึ้น รับรองว่าประโยชน์ของการที่มีหัวใจเต้นช้าจะทำให้คุณต้องรีบเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างแน่นอนค่ะ

หัวใจเต้นช้า อายุยิ่งยืนยาว

 
         อัตราการเต้นของหัวใจ คือ อัตราความเร็วของการบีบตัวของหัวใจเพื่อสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย มีหน่วยในการวัดเป็นครั้งต่อนาที ซึ่งอัตราการเต้นของหัวใจของคนเรานั้นเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับกิจกรรมที่เราทำ ไม่ว่าจะเป็นการ ยืน นั่ง เดิน นอน และขึ้นอยู่กับสภาวะความเครียด รวมทั้งสุขภาพร่างกายโดยรวมของคนเรา
          อัตราการเต้นของหัวใจไม่เพียงแต่ช่วยทำให้เราทราบได้ถึงสภาวะความผิดปกติของร่างกายของเราเท่านั้น แต่มันยังช่วยบ่งบอกถึงสุขภาพของหัวใจได้อีกด้วย ยิ่งหัวใจเต้นเร็วก็แปลว่าประสิทธิภาพของกล้ามเนื้อหัวใจของเราไม่ดีพอที่จะสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงทั่วร่างกายได้อย่างเพียงพอ ตรงข้ามกับหัวใจเต้นช้าที่แปลว่ากล้ามเนื้อหัวใจของเราสามารถสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงทั่วร่างกายได้โดยไม่ต้องบีบตัวบ่อย ๆ  ตัวอย่างเช่นนักกีฬาและผู้ที่ออกกำลังกาย คนเหล่านี้จะมีอัตราการเต้นของหัวใจที่ต่ำ แต่กลับมีสุขภาพแข็งแรงเนื่องมาจากหัวใจของพวกเขามีกล้ามเนื้อที่แข็งแรงทำให้ไม่ต้องบีบตัวเพื่อสูบฉีดเลือดไปร่างกายบ่อย ๆ ค่ะ

 อัตราการเต้นของหัวใจเท่าไรถึงจะดี

          โดยปกติแล้วในช่วงเวลาพักผ่อน หัวใจของคนเราจะมีอัตราการเต้นอยู่ที่ 72 ครั้งต่อนาที หรือประมาณ 60 - 80 ครั้งต่อนาที ส่วนในทารกและเด็กเล็กจะมีอัตราชีพจรอยู่ที่ 90 - 140 ครั้งต่อนาที แต่สำหรับนักกีฬาที่ถูกฝึกเป็นเวลานาน หรือผู้ที่ออกกำลังกายเป็นประจำก็อาจจะมีอัตราการเต้นของหัวใจเพียง 30 - 50 ครั้งต่อนาที ซึ่งผู้ใหญ่ไม่ควรจะมีอัตราการเต้นของหัวใจเกิน 100 ครั้งต่อนาที เพราะนั่นเป็นสัญญาณที่แสดงว่าคุณกำลังมีปัญหาสุขภาพ โดยมีการศึกษาในประเทศเดนมาร์กที่ถูกตีพิมพ์ในวารสาร Heart ที่ทำการศึกษากับชายวัยกลางคนกว่า 3,000 คน เป็นเวลา 16 ปี พบว่าผู้ที่มีอัตราการเต้นมากกว่า 90 ครั้งต่อนาทีมีโอกาสที่จะเสียชีวิตมากกว่าผู้ที่มีอัตราการเต้นของหัวใจช้ากว่าถึง 3 เท่า

หัวใจเต้นช้า อายุยิ่งยืนยาว

 วิธีการวัดชีพจร

          ชีพจรคืออัตราที่หลอดเลือดหดและขยายตัวตามจังหวะการเต้นของหัวใจสามารถวัดได้หลายที่ในร่างกาย เช่น บริเวณข้อมือทางด้านนิ้วหัวแม่มือ ขมับ มุมกระดูกขากรรไกรล่าง ข้าง ๆคอ ข้อพับแขน ขาหนีบ บริเวณขาพับ และบนหลังเท้าทางนิ้วหัวแม่เท้า โดยเราสามารถสังเกตได้ว่าบริเวณนั้นใช่บริเวณที่วัดชีพจรได้หรือไม่จากการจับดู จะรู้สึกว่ามีเส้นหยุ่น ๆ แน่น ๆ ส่วนวิธีการจับชีพจรมีดังนี้

           วางปลายนิ้วมือ 2 นิ้วได้แก่ นิ้วชี้กับนิ้วกลาง เบา ๆ ที่บริเวณเส้นชีพจร และไม่ควรใช้นิ้วหัวแม่มือ เพราะว่าชีพจรบริเวณนิ้วหัวแม่มือของเรานั้นเต้นแรง อาจจะทำให้เกิดความสับสนได้

           นับจำนวนชีพจรที่จับได้ไปพร้อมกับการจับเวลาโดย วิธีการคำนวณชีพจรมี 3 วิธี ได้แก่

           การคำนวณแบบเร็ว ซึ่งจะนับจำนวนชีพจรที่เต้นภายในเวลา 10 วินาที แล้วคูณด้วย 6 ตัวอย่างเช่น ในเวลา 10 วินาที นับชีพจรได้ทั้งหมด 12 ครั้ง ให้นำมาคูณ 6 ก็จะได้เป็น 12 x 6 = 72 ครั้งต่อนาที

           การจับชีพจนแบบละเอียด แบบ 30 วินาที แล้วคูณด้วย 2 หรือ ตัวอย่างเช่น ในเวลา 30 วินาที นับชีพจรได้ 35 ครั้ง ให้นำมาคูณ 2 ก็จะได้เป็น 35 x 2 = 70 ครั้งต่อนาที

           การจับชีพจนแบบละเอียด แบบ 60 วินาที วิธีนี้สามารถนำจำนวนที่นับได้มาใช้ได้เลยโดยไม่ต้องคำนวณใด ๆ เพราะเป็นการจับชีพจรครบ 1 นาที แล้วค่ะ

หัวใจเต้นช้า อายุยิ่งยืนยาว

 หัวใจเต้นช้า ดีอย่างไร

          หัวใจที่เต้นช้าไม่ได้มีประโยชน์แค่เพียงทำให้สุขภาพหัวใจแข็งแรงเท่านั้น แต่ยังส่งผลทำให้คนเราไม่เหนื่อยเร็วอีกด้วย นอกจากนี้การที่หัวใจเต้นช้าลงก็จะทำให้หลอดเลือดลดความตึงเครียดลง ทำให้เซลล์ในหัวใจได้รับออกซิเจนอย่างเต็มที่ ส่งผลให้เลือดที่ถูกสูบมีออกซิเจนมากขึ้น และร่างกายก็จะได้รับออกซิเจนอย่างเต็มที่ค่ะ ซึ่งก็จะทำให้มีอายุที่ยืนยาวขึ้นค่ะ

 แล้วหัวใจเต้นเร็ว ส่งผลร้ายอย่างไร 

          ในวารสารวิชาการของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด Harvard Heart Letter ได้เปิดเผยเกี่ยวการศึกษาเมื่อ 60 ปีก่อนว่า ผู้ชายที่มีอัตราการเต้นของหัวใจสูงจะมีแนวโน้มมีความดันโลหิตสูง มากกว่าผู้ที่มีอัตราการเต้นหัวใจต่ำ เพราะการที่หัวใจเต้นเร็วจะทำให้เกิดความตึงเครียดของผนังหลอดเลือด ส่งผลให้สมดุลระหว่างความต้องการออกซิเจนของหัวใจและความสามารถของหัวใจในการสูบฉีดเลือดลดลง นอกจากยังพบอีกว่าการเต้นหัวใจที่เร็วกว่าปกติยังมีการเชื่อมโยงกับกับโรคหลอดเลือด การเสียชีวิตอย่างกระทันหัน และความเสี่ยงเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจและหลอดเลือดอีกด้วย

หัวใจเต้นช้า อายุยิ่งยืนยาว


 ทำอย่างไรให้หัวใจเต้นช้าลง

          การทำให้อัตราการเต้นของหัวใจช้าลงไม่ใช่เรื่องยากค่ะ เพียงแค่เราลดความเครียด และหมั่นออกกำลังกาย รวมถึงการเลิกสูบบุหรี่ เลิกดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เลิกรับประทานอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ อย่างเช่นอาหารที่มีไขมันสูง หรืออาหารที่หวาน หรือเค็มจัด นอกจากนี้ ในวารสารวิชาการของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ยังได้แนะนำให้ทำสมาธิ ที่สามารถช่วยทำให้ร่างกายผ่อนคลายลงได้อีกด้วยค่ะ

          เห็นข้อดีของการที่หัวใจเต้นช้ากันแล้วใช่ไหมคะ ฉะนั้นอย่ามัวแต่รอช้า เรามาเริ่มออกกำลังกายและหมั่นดูแลสุขภาพเพื่อที่หัวใจจะได้แข็งแรงและไม่ทำงานหนักกันเลยดีกว่า ยิ่งเริ่มเร็วชีวิตก็ยิ่งยืนยาวขึ้นนะคะ