วันจันทร์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2558

วิธีระบายสีไม้ให้สวยงาม

การระบายสีเป็นการระบายที่สามารถระบายได้ทุกคน เพราะว่าในปัจจุบันนั้นเด็กมีความสามารถในการระบายสีและมีความสามารถในการทำงานในหลายๆเรื่อง แน่นอนว่าเด็กบางคนอาจมีความสามารถในการระบาย แต่ก็มีเด็กบางคนที่ไม่ระบายสีไม่สวยอาจจะไม่เหมาะกับงานในด้านนี้ ดังนั้นวันนี้ทางเราเลยมีวิธีการระบายสีไม้ให้สวยงามและสามารถไปแข่งระบายสีกันได้เลย รับรองว่าวิธีที่เรานำมาฝากกันในวันนี้จะทำให้เด็กๆสามารถระบายสีไม้ได้อย่างสวยงามไม่แพ้ใครเลย เราไปดูกันดีกว่าว่าจะมีวิธีการระบายสีอย่างไรบ้าง
สิ่งที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ทำให้เด็กๆสามารถระบายสีได้อย่างสบายๆและที่สำคัญเป็นวิธีการระบายสีไม้ที่ระบายง่ายๆเพียงแค่ทำตามที่เราแนะนำนี้ ภาพที่ว่างเปล่าจะออกมามีสีสันที่สวยและสดใสอย่างแน่นอน วิธีการระบายสีไม้ให้สวยงามสามารถทำได้ดังนี้
  1. ใช้สีไม้ที่แหลม เพราะสีที่แหลมจะทำให้ควบคุมการออกแรงในการระบายได้ง่ายกว่าสีทู่ อีกอย่างสีแหลมๆยังสามารถวาดลวดลายให้สวยได้เพิ่มมากขึ้นด้วย
  2. การระบายเป็นเส้นๆจะช่วยทำให้การระบายสีมีมิติและเพิ่มลวดลายหรือเพิ่มสีที่มีสีสันได้เพิ่มมากขึ้น อีกอย่างการระบายสีเป็นเส้นๆแบบนี้สามารถแก้ไขสีที่ไม่สม่ำเสมอให้กลับมาเป็นสีที่สม่ำเสมอและสวยงามมากยิ่งขึ้น
  3. ระบายสีอย่างหลากหลาย การผสมสีให้เป็น เป็นสิ่งที่ดีมาก เพราะว่าการผสมสีให้ได้สีใหม่ที่สวยงามมากยิ่งขึ้นจะทำให้มีสีที่หลากหลายและสวยงามมากยิ่งขึ้น
  4. การระบายสีให้เกิดเงาสามารถทำได้ด้วยการระบายสีจากสีอ่อนไปสีเข้ม การระบายแบบนี้จะทำให้เกิดเงาได้ตามใจแล้ว
สีไม้เป็นมีที่หลายคนรู้จัก การระบายสีไม้เป็นการระบายสีพื้นฐานและเด็กทุกคนจะต้องระบายเป็นกัน เพราะว่าในการเรียนศิลปะหรือในการระบายสี สีไม้เป็นสีที่ระบายง่ายที่สุดและสามารถระบายให้ออกมาสวยได้อย่างง่ายๆเลย แต่วิธีการระบายสีให้สวยที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ก็ทำให้คุณระบายสีออกมาสวยเช่นกัน เป็นพื้นฐานการระบายสีควรรู้ เพื่อที่จะใช้ความรู้นี้พัฒนาการระบายสีให้ยากด้วยการผสมสีให้ออกมาสวย หรือไม่การไล่สีให้สวยก็สามารถทำได้ด้วยการเรียนรู้พื้นฐาน  ดังนั้นแล้ววิธีที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ทำให้เด็กๆได้รู้วิธีการระบายสีขั้นพื้นฐาน  ซึ่งเด็กๆทุกคนควรรู้ขั้นตอนการระบายสีแบบพื้นฐานเพื่อสามารถพัฒนาการระบายสีแบบอื่นๆได้เพิ่มมากขึ้น

ประโยนช์ผลไม้ต่างๆ

องุ่น / Grape

องุ่นเป็นอาหารบำรุงร่างกายอีกชนิดหนึ่ง นอกจากจะมีคุณค่าทางอาหาร ยังมีสรรพคุณทางยาที่ดีหลายชนิด สารอาหารที่สำคัญคือน้ำตาล และสารอาหารจำพวกกรดอินทรีย์อีกหลายชนิดเช่น น้ำตาลกลูโคส น้ำตาลซูโคส วิตามินซี นอกจากนี้ยังมีเหล็ก และแคลเซี่ยม นอกจากนี้องุ่นยังอุดมไปด้วย กรดเอลลาจิก ซึ่งเป็นสาร ฟลาโวนอยด์ ที่มีพลังในการต่อสู้กับมะเร็ง การรับประทานองุ่นเป็นประจำ จะมีส่วนช่วยในการบำรุงสมอง บำรุงหัวใจ แก้กระหาย ขับปัสสาวะ บำรุงกำลัง คนที่ร่างกายผอมแห้ง แรงน้อย แก่ก่อนวัย ไม่มีเรี่ยวแรง ถ้ารับประทานองุ่นเป็นประจำ จะช่วยเสริมทำให้ร่างกายค่อยๆแข็งแรงขึ้นได้


สตรอเบอร์รี่ / Strawberry

สตรอเบอร์รี่ หลายๆ ท่านคงเข้าใจว่าสตรอเบอร์รี่เป็นผลไม้ แต่ที่จริงแล้วสตรอเบอร์รี่นั้นอยู่ในพืชสกุลเดียวกับดอกไม้และอยู่ในวงศ์เดียวกับดอกกุหลาบ

สตรอเบอรี่มีส่วนช่วยในการทำงานของสมอง มีวิตามินซีและไฟโตนิวเทรียนท์ (Phytonutrient) ซึ่งทำให้อนุมูลอิสระลดน้อยลง  มีไอโอดินที่ช่วยให้สมองทำงานได้อย่างเต็มที่และมีประสิทธิภาพอีกด้วย
บำรุงสายตา เพราะสตรอเบอร์รี่มีวิตามิน ฟลาโวนอยด์ (Flavonoids) กรดฟีโนลิกส์ ที่ช่วยในการลดและชะลอการเกิดอนุมูลอิสระได้ แถมยังช่วยให้ปรับความดันในตาให้กลับมาเป็นปกติ
ป้องกันโรคมะเร็ง และโรคหัวใจ
ลดความดันโลหิต เพราะสตรอเบอร์รี่นั้นมี โพแทสเซียม (Potassium) และแมกนีเซียม (Magnesium) ที่ช่วยปรับความดันโลหิตให้กลับสู่สภาวะปกติ
 

 
เชอร์รี่ / Cherry

เชอร์รี่ อุดมไปด้วยวิตามินซีที่มีมากกว่าส้มถึง 30-80 เท่า นอกจากจะช่วยบำรุงผิวพรรณให้สดใส ชะลอความแก่ และช่วยต้านอนุมูลอิสระแล้ว ยังช่วยให้อารมณ์ดีขึ้นอีกด้วย จากผลงานการวิจัยของมหาวิทยาลัยมิชิแกน ประเทศสหรัฐอเมริกาพบว่า การกินเชอร์รี่มากถึง 20 ผลจะช่วยลดอาการซึมเศร้าได้มากกว่าการกินยา เนื่องจากในผลเชอร์รี่มีสารที่ชื่อว่า แอนโธไซยานิน (Anthocyanin) ทำให้คนกินมีความสุข ด้วยเหตุนี้แพทย์ตะวันตกจึงเรียกเชอร์รี่ว่า เป็นแอสไพรินธรรมชาติ

anthocyanins ซึ่งช่วยในการลดการเกิดโรคหัวใจและโรคมะเร็ง
เชอร์รี่เป็นผลไม้ชนิดหนี่งซี่งมีแหล่งอาหารที่มีเมลาโทนิ, สารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยควบคุมจังหวะการเต้นของหัวใจและช่วยในการนอนหลับ
เชอรรี่จะเรียกว่า "อาหารสมอง" ช่วยในสุขภาพสมองและในการป้องกันการสูญเสียความจำ
เชอรรี่มีประสิทธิภาพอย่างสูงในการต้านการอักเสบ ลดอาการอักเสบและปวดที่ข้อต่างๆ

แอ๊ปเปิ้ล / Apple

แอ๊ปเปิ้ลเป็นผลไม้ที่เหมาะกับผู้ป่วย โดยเฉพาะผู้ป่วยเบาหวาน และผู้ต้องการควบคุมน้ำตาลในเลือด  ถึงแม้แอ๊ปเปิ้ลจะมีน้ำตาลธรรมชาติในเนื้อแอปเปิ้ลมาก แต่ทำให้น้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ เท่านั้นและแอปเปิ้ลมีไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำสูงมาก

แอปเปิ้ลแดง มีจุดเด่นที่ดีต่อสุขภาพคือมีสารแอนตี้ออกซิแดนต์มากที่สุด และยังมีอิลาสตินและคอลลาเจนที่ดีต่อสุขภาพผิวด้วย
แอปเปิ้ลสีชมพู มีสารฟิโนลิกมากที่สุดในบรรดาแอ๊ปเปิ้ลด้วยกัน ช่วยยับยั้งการเกิดฝ้าและชะลอความแก่ นอกจากนั้นยังมีฟลาโวนอยด์ที่ช่วยเพิ่มการดูดซึมวิตามินซีทำให้ผนังหลอด เลือดฝอยแข็งแรง ลดการอักเสบ ลดไข้ รวมทั้งช่วยป้องกันเลือดออกตามไรฟันได้อีกด้วย
แอปเปิ้ลสีเขียว มีรสเปรี้ยวอมหวานช่วยในเรื่องการควบคุมน้ำหนักได้ดี เพราะการกินแอ๊ปเปิ้ลสีเขียวนอกจากจะได้รับน้ำตาลน้อยแล้วยังมีอิลาสตินและ คอลลาเจนที่ช่วยให้ผิวแข็งแรงและยืดหยุ่นได้ดี
แอปเปิ้ลสีเหลือง มีสารเควอร์ซิตินที่ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง โรคหลอดเลือดหัวใจ และต้อกระจก


 



พีช / Peach

ลูกพีชคุณประโยชน์มากมาย มีทั้งวิตามินเอที่ช่วยบำรุงสายตา มีวิตามินซีป้องกันโรคหวัด และโรคเลือดออกตามไรฟัน ให้แร่ธาตุแคลเซียมและฟอสฟอรัสช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟัน ทั้งยังแก้โรคหอบหืด หล่อลื่นลำไส้ แก้ไอ รักษาอาการปวดของโรคไส้เลื่อน ลดอาการเหงื่อออกมาก ช่วยลดความดันโลหิต มีสารต้านอนุมูลอิสระ คือ "เบต้าคริบโตแซนทิน" ช่วยป้องกันไม่ให้เซลล์ถูกทำลาย ช่วยบำรุงหัวใจและกระเพาะอาหาร เป็นยาระบายอ่อนๆ ในผลลูกพีชยังมีเกลือแร่โบรอน ซึ่งทำให้สมองกระฉับกระเฉงและกระปรี้กระเปร่า ถ้าได้รับเกลือแร่โบรอนในปริมาณต่ำ จะทำให้สมองทำงานช้าลงและสมาธิสั้น


ส้ม / Orange

ส้มมีสารไฟโตนิวเทรียนต์มากมาย ที่ทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ รวมถึงสารกลุ่มฟลาโวนอยส์ สารแอนโธไชยานินส์ สารโพลีฟีนอลส์ และวิตามินซี ที่ช่วยทำให้ผิวสวยกระจ่างใส
น้ำส้มสามารถให้แคลเซียม และวิตามินดีแก่ร่างกายได้ดีพอๆ กับนม และแคลเซียมจะไปเสริมสร้างกระดูก แต่ถ้าไม่มีวิตามินดี ร่างกายจะไม่สามารถดูดซึมแคลเซียมจากอาหารได้ นอกจากนี้ น้ำส้มยังมีวิตามินซี ซึ่งจะช่วยเพิ่มกระบวนการดังกล่าว
ส้ม อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งจะช่วยปกป้องแก้วตาจากโรคต้อกระจก และยังพบว่าการบริโภควิตามินอีและซีในปริมาณมาก จะช่วยป้องกันโรคต้อกระจกได้ แม้แต่ในกลุ่มผู้ที่มีความเสี่ยงเป็นโรคนี้สูง
ส้มมีสารโฟเลต ซึ่งจะช่วยให้สมองหลั่งฮอร์โมนซีโรโทนิน อันเป็นสารแห่งความสุข กลิ่นของผลไม้ครอบครัวนี้ก็สามารถทำให้เราเบิกบานได้


 


กีวี่ / Kiwi Fruit

กีวี่อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิด เช่น วิตามินเอ ซี อี เค บี1 บี2 บี3 บี6 บี9 แคลเซียม เหล็ก แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม แมงกานีส สังกะสี โอเมกา-3

มีสารแอนติออกซิแดนต์ ทำให้หัวใจแข็งแรงขึ้นเปลือกของมันมีสารประกอบ flavanoid ในปริมาณที่สูงซึ่งทำหน้าที่เป็นแอนติออกซิแดนต์ซึ่งปกป้องเซลล์ของเรา
กากอาหารปริมาณสูง ช่วยกระตุ้นลำไส้เล็กของเรา ทำให้อาหารผ่านไปได้เร็วยิ่งขึ้น เส้นใยอาหารจากเปลือกกีวีนี้จะช่วยจับของเสียที่เป็นพิษลำไส้ของเรา ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการป้องกันโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ กีวีเขียวหนึ่งผลมีปริมาณไฟเบอร์มากกว่ากล้วย 15% และมากกว่าแอปเปิ้ลและส้มถึง 25%

สาลี่ / Pear

สาลี่มีฤทธิ์เย็น รสหวานหอม จึงใช้รักษาผู้ที่มีอาการร้อนใน
สาลี่มีน้ำเป็นองค์ประกอบที่สำคัญ จึงช่วยให้สดชื่น ชุ่มคอ แก้กระหาย
สาลี่ มีธาตุอาหารมากมาย เช่น เบตาแคโรทีน วิตามินซี วิตามินเค แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก และเส้นใยที่มีสรรพคุณในการรักษาโรคเบาหวาน กระตุ้นภูมิคุ้มกันแก้อาการท้องผูก ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และต้านอนุมูลอิสระที่เป็นสาเหตุ ของโรคมะเร็งและความชรา
ช่วยให้กระเพาะทำงานได้ดี ช่วยย่อย ขับปัสสาวะ กระตุ้นการทำงานของไตและลดความดันโลหิต



พลับ / Persimmon

ลูกพลับช่วยลดอาการปวดท้องที่เกิดจากความเย็น เช่น ปวดประจำเดือน ปวดโรคบิด ทั้งยังแก้ไอหรือเจ็บคอได้
ลูกพลับสามารถช่วยลดความดันโลหิตได้ และไม่เพียงลูกพลับสดเท่านั้นที่มีประโยชน์ ลูกพลับแห้งก็เช่นกันเพราะสามารถช่วยทำให้ระบบขับถ่ายดีขึ้น และผู้ที่ท้องอืด จุกเสียด แน่นเฟ้อ ลูกพลับแห้งก็ช่วยบรรเทาอาการได้เป็นอย่างดี

เมล่อน / Melon

เมล่อนมีสารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญ ในปริมาณสูง มีวิตามินซี วิตามินเอ เบต้าแคโรทีน แคลเซียม ฟอสฟอรัส และธาตุเหล็ก ไม่มีไขมันและคอเลสเตอรอล อีกทั้งแคลอรี่ต่ำ จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก
นอกจากนี้ยังเชื่อว่าเอนไซม์ในน้ำเมล่อนชื่อว่า "superoxide dismutase" มีสรรพคุณช่วยต้านอนุมูลอิสระและลดกระบวนการทางเคมีภายในร่างกาย ส่งผลให้สามารถลดระดับความเครียดได้



ที่มา:http://www.fruitnflora.com/nutrition-of-fruit

การปลูกดอกไม้

รรมชาติของดอกไม้ย่อมโรยราไปตามฤดูกาล แต่ไม่ได้หมายความว่าสวนสวยของคุณจะต้องขาดสีสันตามไปด้วย เพราะการมีดอกไม้บานสะพรั่งสวนตลอดทั้งปีนั้น ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ เราจึงเอาใจคนรักไม้ดอกด้วยการแนะนำพันธุ์ไม้ที่มีช่วงเวลาบานแตกต่างกันออกไปพร้อมวิธีการบำรุงรักษา เพื่อให้สวนของคุณมีดอกไม้บานสวยได้ไม่ว่าฤดูกาลใด

สำคัญที่เจ้าของบ้าน

          การปลูกดอกไม้อาจไม่ใช่เรื่องยาก เพียงซื้อเมล็ดพันธุ์หรือต้นกล้าพร้อมปลูกของไม้ดอกที่ชอบ จับลงดินหรือกระถางให้เรียบร้อย พรวนดิน รดน้ำ ใส่ปุ๋ยตามพอดี เพียงแค่นี้ก็จะได้ดอกไม้สวย ๆ มาชื่นชม แต่หากจะวางแผนการปลูกดอกไม้ให้บานไล่กันไปตลอดทั้งปีนี้แล้วล่ะก็คงต้องทำการบ้านกันสักเล็กน้อย

          หลายคนอาจรู้จักชื่อของ อ.ธีรยุทธ บุญมี ในฐานะนักคิดนักเขียน และนักวิชาการ แต่น้อยคนที่จะทราบว่าบ้านของอาจารย์ที่เขาใหญ่นั้นเต็มไปด้วยดอกไม้ที่ผลัดกันบานชนิดไม่ว่างเว้นแม้สักเดือนเดียว อ.ธีรยุทธ จึงได้ชื่อว่าเป็นนักปลูกดอกไม้มือดีคนหนึ่ง ที่มีประสบการณ์เรื่องการปลูกดอกไม้ตามฤดูกาลมายาวนาน และบอกเราได้ว่าการบ้านที่คนรักไม้ดอกต้องทำนั้นมีอะไรบ้าง

          “ก่อนอื่นเลย คนปลูกต้นไม้ควรจะต้องเป็นเจ้าของบ้าน เพราะเจ้าของบ้านจะรู้ข้อจำกัดของบ้านเป็นอย่างดีว่าตรงไหนสามารถปลูกอะไรได้ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญหากต้องการปลูกต้นไม้หลาย ๆ ชนิด” อ.ธีรยุทธ แนะนำ

ทั้งนี้ข้อจำกัดของบ้าน ได้แก่

 ดูแดดดูร่ม : ดอกไม้ส่วนใหญ่นั้นชอบแดด บางชนิดหากขาดแดดไปจะทำให้สีของดอกซีดลง ในขณะที่บางชนิดถ้าโดนแดดมากก็อาจตายได้ ผู้ที่ปลูกดอกไม้จึงจำเป็นต้องรู้ว่าในบ้านของตัวเองนั้นพื้นที่ตรงไหนมีร่มเงา มีแดดรำไร หรือมีแดดจัด

 ดูพื้นที่ : การเตรียมพื้นที่ก่อนเลือกชนิดต้นไม้เป็นสิ่งจำเป็น เพราะเกี่ยวเนื่องกับการเลือกชนิดของไม้ที่จะปลูก เช่น ไม้เลื้อยใช้พื้นที่น้อยไม้ยืนต้นใช้พื้นที่มาก เป็นต้น นอกจากนี้ควรคำนึงถึงเฉดสีของดอกไม้ด้วยเมื่อกำหนดพื้นที่ปลูก ไม่ใช่นำมาสุมกันเฉย ๆ เพราะหากนำดอกไม้ที่สีเข้ากันมาวางเคียงกัน ก็จะทำให้ดูสวยยิ่งขึ้นเมื่อดอกบาน

 ดูอากาศ : สภาพอากาศที่เอื้ออำนวย เช่น แดดดี ไม่ร้อนจัด และความชื้นพอเหมาะ ย่อมทำให้ดอกไม้ขึ้นงาม แต่ถ้าอากาศร้อนและแห้งอย่างในกรุงเทพฯ อาจจำเป็นต้องหาต้นไม้ใหญ่มาปลูกในบริเวณสวนเพื่อให้ร่มเงาและเป็นการกักเก็บความชื้น

ดอกไม้ตามฤดู

          เมื่อรู้ข้อจำกัดของบ้านแล้ว ก็ได้เวลาเลือกดอกไม้ ซึ่งพันธุ์ไม้ที่นำมาฝากกันนี้เป็นเพียงตัวอย่างเพื่อการนำไปปรับใช้โดยเลือกเฉพาะดอกไม้ที่ปลูกง่าย หาได้ทั่วไป ที่สำคัญคือมีช่วงเวลาที่ดอกบานแตกต่างกัน

ปลูกไม้ดอกสะพรั่งบาน นานตลอดปี
 ภาพจาก clgc.rdi.ku.ac.th

 กระเทียมเถา

ช่วงที่ออกดอก : ฤดูหนาว (ธันวาคม - กุมภาพันธ์)

ลักษณะ : ไม้เลื้อย

          เป็นหนึ่งในไม้เลื้อยที่เหมาะสำหรับปลูกตามรั้วหรือกำแพงบ้าน แต่เนื่องจากโดยธรรมชาติแล้วจะไม่เลื้อยขึ้นไม้อื่น จึงควรผูกนำก่อนในช่วงแรก กระเทียมเถาเป็นต้นไม้ที่ชอบแสงจัด จึงควรปลูกในบริเวณที่มีแดดตลอดวัน ชื่อกระเทียมเถาได้มาจากกลิ่นของดอกไม้ ซึ่งหากนำไปขยี้แล้วจะมีกลิ่นคล้ายกระเทียม ตัวดอกเป็นรูปแตร ซึ่งแรกปลูกจะเป็นสีชมพูอ่อน แต่พอเวลาผ่านไปดอกจะเป็นสีม่วงเข้มขึ้นเรื่อย ๆ เป็นต้นไม้ที่โตได้ดีในดินร่วนซุย ต้องการน้ำปานกลาง ควรรดน้ำวันละสองครั้ง เช้า - เย็น

ปลูกไม้ดอกสะพรั่งบาน นานตลอดปี
ภาพจาก orchids-flowers.com

 เหลืองชัชวาลย์

ช่วงที่ออกดอก : ฤดูร้อน (มีนาคม - พฤษภาคม)

ลักษณะ : ไม้เลื้อย

          อาจเรียกอีกอย่างได้ว่า เล็บวิฬาร์ หรือแค็ทส์คลอว์ เพราะช่วงที่ดอกบานเต็มที่นั้น ตัวดอกจะย้อมทั้งต้นให้เป็นสีเหลืองอร่ามสมชื่อเลยทีเดียว ที่บ้านของ อ.ธีรยุทธ เองก็ใช้ไม้ชนิดนี้เลื้อยขึ้นไปบนหลังคาแล้วปล่อยระย้าลงมาเป็นม่านไม้ ใช้บังแดดได้เป็นอย่างดี เหลืองชัชวาลย์เป็นไม้ที่แข็งแรงและโตได้ดีในอากาศร้อน แต่ก็มีกรณีที่โตมากเกินไปจนไปรบกวนต้นไม้อื่น จึงแนะนำให้ปลูกใต้ร่มไม้ที่มีแสงรำไรเพื่อจำกัดการโต ควรรดน้ำพอให้ดินชุ่ม สามารถขึ้นได้ดีทั้งดินเหนียวและดินทราย แต่ก็ไม่เกี่ยงดินประเภทอื่นเช่นกัน

 
ปลูกไม้ดอกสะพรั่งบาน นานตลอดปี
ภาพจาก maipradabonline.com

 บานบุรีสีม่วง

ช่วงที่ออกดอก : ฤดูฝน (มิถุนายน - สิงหาคม)

ลักษณะ : ไม้เลื้อยกึ่งพุ่ม

          บานบุรีนั้นส่วนใหญ่จะมีสีเหลือง แต่พันธุ์สีม่วงก็มีให้เห็นเช่นกัน โดยจะโตได้ดีเฉพาะหน้าฝน ยิ่งฝนชุกยิ่งดอกดก จึงเหมาะกับการนำมาประดับไว้ในสวน เพราะฤดูฝนเป็นฤดูที่ต้นไม้ส่วนใหญ่ว่างเว้นจากการให้ดอก การดูแลบานบุรีสีม่วงนั้นออกจะยุ่งยากกว่าบานบุรีทั่วไป เนื่องจากเป็นดอกที่ต้องการความชื้นตลอดเวลา ทั้งยังต้องการแสง และชอบอยู่กลางแจ้งอีกด้วย จึงยากต่อการรักษาความชุ่มชื้นของดิน แนะนำว่าให้ปลูกพืชรากสั้นคลุมหน้าดินไว้บริเวณโคนต้น จะช่วยให้ต้นไม้ผ่านพ้นหน้าแล้งไปได้
 
ปลูกไม้ดอกสะพรั่งบาน นานตลอดปี
ภาพจาก th.wikipedia.org

 เฟื่องฟ้า

ช่วงที่ออกดอก
 : ฤดูแล้ง (กันยายน - พฤษภาคมของปีถัดไป)

ลักษณะ 
: ไม้ยืนต้นขนาดกลาง

          นอกจากจะปลูกง่ายแล้ว เฟื่องฟ้ายังให้ดอกดกและหลากสี ทั้งม่วง แดง ชมพู ขาว ฯลฯ ซึ่งเป็นโทนสีที่ไปกันได้ดี อ. ธีรยุทธ แนะนำว่าให้ลองปลูกเฟื่องฟ้าหลาย ๆ สีในบริเวณเดียวกัน เพราะเมื่อดอกบานสะพรั่ง จะเป็นทิวทัศน์ที่วิจิตรอยู่ไม่น้อย เฟื่องฟ้าเป็นต้นไม้ที่ขึ้นได้ดีในดินร่วน และดินทราย ต้องการแสงแดดจัดตลอดทั้งวัน ทั้งยังมีความทนทานต่ออากาศแล้ง จึงไม่ต้องการน้ำมาก หากรดน้ำมากเกินไปจะทำให้ไม่มีดอก

ปลูกไม้ดอกสะพรั่งบาน นานตลอดปี
ภาพจาก th.wikipedia.org

 แพรเซี่ยงไฮ้

ช่วงที่ออกดอก : ทุกฤดู

ลักษณะ : ไม้คลุมดิน

          ด้วยความที่เป็นพืชคลุมดิน แพรเซี่ยงไฮ้จึงมีลักษณะหลาย ๆ อย่างคล้ายวัชพืช ซึ่งรวมถึงความทนทานเป็นพิเศษ เพราะเพียงมีแสงแดดก็โตได้ดีไม่จำเป็นต้องดูแลอะไรมากนัก แพรเซี่ยงไฮ้สามารถกระจายไปทั่วบริเวณได้ จึงเหมาะกับการปลูกคลุมดินที่รกร้างหากต้องการให้ดอกเยอะ ควรหมั่นตัดกิ่งที่เคยให้ดอกไปแล้ว จะช่วยให้มีกิ่งใหม่ที่ดอกดกมากขึ้นดอกแพรเซี่ยงไฮ้จะเป็นกลีบซ้อนกันหลายชั้นคล้ายกุหลาบ ดอกบางคล้ายผ้าแพร เดิมมีแต่สีแดงเท่านั้น แต่ปัจจุบันมีการผสมพันธุ์จนได้สีต่าง ๆ มากมาย

          โดยทั่วไปนั้น การปลูกต้นไม้หวังดอกมักใช้เวลาประมาณสามปี ผู้ปลูกจึงจะได้เชยชมกับผลผลิตอันงดงาม “ถ้าอยากให้ต้นไม้มีดอกบานสะพรั่ง ต้องเข้าใจต้นไม้ เข้าใจดอกไม้ และต้องทุ่มเทใจให้จริง ๆ” อ. ธีรยุทธทิ้งท้ายกับเคล็ดลับของการดูแลต้นไม้ให้มีดอกสวยที่พิสูจน์กันมานักต่อนักแล้ว ว่าจริงแท้แน่นอน!

ปลูกไม้ดอกสะพรั่งบาน นานตลอดปี

พื้นที่เล็กอยากปลูกไม้ดอก

          สำหรับเจ้าของบ้านที่มีพื้นที่ไม่มากนัก ไม่ว่าจะเป็นทาวน์เฮ้าส์ หรือคอนโดมิเนียม คุณก็สามารถเป็นเจ้าของสวนดอกไม้เล็ก ๆ ที่ออกดอกสวยให้ชื่นชมตลอดทั้งปีได้เช่นกัน ด้วยขั้นตอนง่าย ๆ ดังต่อไปนี้

เลือกพันธุ์ไม้

          ควรเป็นต้นที่มีลักษณะเล็กน่ารักและโตได้ดีในที่ร่ม อย่าง แอฟริกันไวโอเล็ต บีโกเนีย หรือกล็อกซิเนีย ถ้าคุณเป็นมือใหม่หัดปลูก ควรเลือกซื้อต้นกล้าพร้อมปลูกมาลองก่อน เพราะต้นไม้เติบโตแข็งแรงพอสมควรแล้วจึงดูแลได้ง่ายกว่า แต่ถ้าใครอยากได้อารมณ์ตื่นเต้นชวนลุ้น จะซื้อหาเมล็ดพันธุ์มาเพาะเองก็ไม่ผิดกติกาแต่อย่างใด

เลือกดิน

          เนื่องจากพื้นที่จำกัด ชนิดและความสมบูรณ์ของดินจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง ควรเลือกดินให้เหมาะกับต้นไม้ ซึ่งอาจเป็นดินร่วนโปร่ง ดินผสมทราย หรือดินคลุกปุ๋ย ก่อนซื้อดินควรถามผู้ขายให้แน่ใจว่า เป็นดินที่มีธาตุอาหารที่พืชต้องการ เพราะบางครั้งอาจจำเป็นต้องผสมแกลบ ขุยมะพร้าว มูลสัตว์ ทราย หรือเปลือกถั่วเพิ่ม

เลือกกระถาง
          อย่าดูแค่ความสวย แต่ควรเลือกกระถางที่มีความกว้างและความสูงเหมาะกับทรงของต้นไม้ เผื่อขนาดให้ต้นไม้ได้เติบโตบ้าง เลือกวัสดุที่เก็บความชื้น ระบายน้ำและอากาศได้ดี มีจานรองน้ำ ที่สำคัญควรมีน้ำหนักเบา เพื่อความสะดวกหากจะต้องย้ายหลบแดด